วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

โอบิโตะ

อุจิวะ โอบิโตะ เจ้าของเนตรวงแหวนนัยน์ตาซ้ายของ ฮาตาเกะ คาคาชิ โอบิโตะเป็นลูกศิษย์ของ นามิคาเสะ มินาโตะ(โฮคาเงะรุ่น 4) เขาเป็นนินจาขี้แย ปกติแล้วเขามักจะสวมแว่นประดาน้ำติดตัวเอาไว้ตลอด รวมทั้งต้องใช้ยาหยอดตาเป็นประจำ และเขามักจะมาสายอยู่บ่อย ๆ เหตุผลในการมาสายที่คาคาชิคิดว่าเป็นเพียงคำโกหกเท่า นั้นคือ เขาต้องช่วยเหลือผู้เดือดร้อนที่เขาพบระหว่างทางมาที ่นัดหมาย ด้วยเหตุนี้คาคาชิและโอบิโตะจึงมักโต้เถียงกันอยู่เส มอ เพราะคาคาชิเป็นคนที่ยึดมั่นในกฏ อันมีสาเหตุมาจากการปลิดชีพตนเองของพ่อเขา ฮาตาเกะ ซาคุโมะ ที่เลือกช่วยชีวิตเพื่อนมากกว่าการเลือกที่จะปฏิบัติ ภารกิจต่อไป เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงจ นซาคุโมะถูกประณามจากทั้งแคว้นและพวกพ้องในหมู่บ้าน รวมถึงเพื่อนที่เขาช่วยชีวิตเอาไว้ด้วย และเรื่องของหัวใจก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะโอบิโตะช อบริน แต่รินชอบคาคาชิ ซึ่งคาคาชิเองก็ไม่ได้คิดอะไรกับรินมากกว่าเพื่อนร่ว มทีมเท่านั้น

      ในวันแรกที่คาคาชิได้เลื่อนเป็นโจนิน โอบิโตะก็ยังคงมาสายด้วยเหตุผลเดิมทั้งๆที่เขาก็พยาย ามแล้วที่จะมาให้ทัน เมื่อทั้งทีมมาพร้อม มินาโตะและรินต่างก็ให้ของขวัญกับคาคาชิ แต่โอบิโตะไม่ได้ให้อะไรเลย คาคาชิเองก็คิดว่าดีเหมือนกันเพราะคนอย่างโอบิโตะคงใ ห้ได้แค่ของที่ไม่เข้าท่าได้มาก็เกะกะเปล่าๆ ในวันนั้นเองมินาโตะก็ได้ให้ คาคาชิ โอบิโตะ และรินแยกไปเป็นอีกทีมหนึ่ง โดยให้คาคาชิเป็นหัวหน้าทีม ภารกิจที่ได้รับมอบหมายคือทำลายสะพานคันนาบิ ระหว่างปฏิบัติภารกิจรินถูกศัตรูคือนินจาอิวะงาคุเระ จับตัวไปเพื่อรีดข้อมูล โอบิโตะต้องการตามไปช่วยรินแต่ถูกคาคาชิห้ามไว้ เพราะนินจาถึงต้องเสียสละเพื่อนพ้อง ก็ต้องทำภารกิจให้สำเร็จนั่นคือกฏ โอบิโตะไม่เห็นด้วยกับความคิดของคาคาชิ จนทำให้เกิดการโต้เถียงและถึงขั้นชกคาคาชิ โอบิโตะบอกคาคาชิว่าตัวเขานั้นคิดว่าเขี้ยวสีขาวหรือ พ่อของคาคาชินั้นคือ วีรบุรุษที่แท้จริง โดยกล่าวว่า"ถึงในวงการนินจาจะเรียกคนที่ฝ่าฝืนกฏหรือกติกาว่าเป็นสวะ แต่ว่าคนที่ไม่เห็นความสำคัญของเพื่อนน่ะ เป็นยิ่งกว่าสวะซะอีก" ที่สุดแล้วโอบิโตะก็ตามไปช่วยริน แต่โอบิโตะเพียงเข้าใกล้เขตของศัตรูเท่านั้นก็พลาดท่ าดีที่คาคาชิตามมาช่วยได้ทัน เพราะคำพูดของโอบิโตะทำให้คาคาชิตระหนักถึงคำว่าเพื่ อน และเพื่อช่วยโอบิโตะทำให้คาคาชิได้รับบาดเจ็บสาหัสที ่ดวงตาซ้าย โอบิโตะจึงรู้สึกว่าที่ผ่านมาเขาต้องให้คนอื่นคอยช่ว ยเหลือ แต่สิ่งที่เขาพูดกับคาคาชิก่อนจะมาช่วยรินนั้น เขาไม่อยากให้เป็นเพียงคำพูดพล่อยๆเท่านั้น คราวนี้แหละเขาต้องเป็นฝ่ายปกป้องเพื่อนพ้องบ้าง เหตุนี้เองทำให้โอบิโตะสามารถเบิกเนตรวงแหวนได้สำเร็ จ และเขายังสามารถรุกประสานกับคาคาชิในการต่อสู้ได้เป็นอย่างดี ระหว่างการต่อสู้ศัตรูได้ใช้คาถาดินทลายภูผาทำให้ดิน ถล่มลงมาใส่คาคาชิ โอบิโตะ และริน แต่เนื่องจากคาคาชิได้รับบาดเจ็บที่ตาซ้ายทำให้เขาหล บไม่พ้น โอบิโตะจึงเอาตัวเขาแลกเพื่อช่วยคาคาชิไว้ จนทำให้ร่างกายซึกขวาถูกทับของตนด้วยกองดินแหลกเหลวเ กือบหมด แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าควรให้ของขวัญอะไรกับคาคาชิ ในการเลื่อนเป็นโจนินดีที่มันจะไม่ใช้ของไร้ประโยชน์ "เนตรวงแหวนนี้ชั้นให้นาย ฉันจะเป็นดวงตาให้กับนาย ต่อไปชั้นจะคอยมองล่วงหน้าให้นายเอง" นั่นคือน้ำใจสุดท้ายจากโอบิโตะที่มอบให้แก่คาคาชิ โดยมีรินเป็นแพทย์ผ่าตัดเปลี่ยนดวงตาให้ โอบิโตะได้ฝากให้คาคาชิดูแลริน ที่เขายังไม่มีโอกาสได้สารภาพความรู้สึกที่มีต่อเธอ เขายังคงอยากอยู่กับทุกคนให้นานกว่านี้ ทั้งๆที่ได้ญาติดีกับคาคาชิแล้วแท้ๆ และด้วยคาถาดินฝ่ามือเคลื่อนพสุธาของศัตรูทำให้โอบิโตะถูกฝังหายไปกับกองดิน ที่ถล่มลงมา 

       ศึกที่สะพานคันนาบิในวันนั้นได้กำเนิดวีรบุรุษที่มีเ นตรวงแหวนขึ้น 2 คน คนหนึ่งถูกขนานนามว่า "เนตรวงแหวนคาคาชิ" และอีกคนถูกจารึกนามไว้บนแผ่นหินในฐานะวีรบุรุษที่พลีชีพเพื่อปกป้องหมู่ บ้าน นามเขาคือ "อุจิวะ โอบิโตะ

เนจิ

ฮิวงะ เนจิ นินจาจากหมู่บ้านโคโนฮะทายาทชายในตระกูลสาขาของกลุ่มฮิวงะ มีความสามารถหลักคือเนตรสีขาว ที่สามารถมองทะลุสิ่งต่างๆ และมองเห็นถึงกระแสจักระภายในร่างกายของนินจาได้ ฮิวงะ เนจิ ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะของตระกูลฮิวงะ มีความสามารถในการใช้มวยอ่อน เมื่อฮิวงะ ฮินาตะ ลูกพี่ลูกน้องในตระกูลหลัก อายุได้ 3 ปี วันเดียวกับที่ ฮิวงะ เนจิ อายุ 4 ปี เนจิได้ถูกประทับอักขระ"ปักษาในกรง" ที่หน้าผาก เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าจะปกป้องตระกูลหลัก โดยเมื่อใดก็ตามที่ทรยศ สัญลักษณ์ปักษาในกรงจะส่งผลให้ผู้ใช้บาดเจ็บและล้มตาย ปักษาในกรงยังเป็นวิธีป้องกันความลับของเนตรสีขาว อักขระจะถูกกระตุ้นให้ทำลายความสามารถเนตรสีขาวในตัวบุคคลนั้น จุดนี่เองที่ทำให้เนจิ เกลียดฮินาตะ เพราะพ่อของเนจิ ฮิวงะ ฮิซาชิ ได้ยอมเสียชีวิตเพื่อปกป้องตระกูลฮิวงะ ปัจจุบันเนจิเสียชีวิต(มังงะตอนที่ 614 ถึงนาย) เพราะพยายามจะปกป้องฮินาตะที่จะปกป้องนารูโตะจากการโจมตีของสิบหาง และอักขระที่หน้าผากเนจิหายไปหลังจากที่เนจิตายฮิวงะ เนจิเข้าร่วมสอบจูนินพร้อมเพื่อนร่วมทีม ร็อค ลี และ เท็นเท็น โดยเนจิได้ชื่อว่าเป็นนินจาที่เก่งที่สุด(รูกี้)ในรุ่นนั้น ในรอบการต่อสู้การเข้าสู่รอบสุดท้าย เนจิได้ต่อสู้กับลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง ฮิวงะ ฮินาตะ และแสดงความสามารถของตัวเองออกมาทั้งหมดจนฮินาตะปางตาย แล้วนารุโตะสัญญาว่าจะโค่นเนจิให้ได้ และในรอบสุดท้าย เนจิได้ถูกจับคู่ให้สู้กับอุซึมากิ นารูโตะ โดยทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด โดยนารูโตะได้ใช้พลังจักระของจิ้งจอกเก้าหาง และสุดท้ายนารุโตะจึงใช้คาถาที่ที่ตัวเองถนัดที่สุด(แยกเงาพันร่าง)ชนะเนจิลงไปได้และเนจิได้ถามนารุโตะว่าถนัดวิชานี้แต่นารุโตะกลับบอกว่าเค้าต้องซ้ำชั้น3ปีเพราะวิชานี้ โดยเมื่อเนจิแพ้ต่อนารูโตะ และอยู่ในห้องพยาบาล ลุงของเนจิ ฮิวงะ ฮิอาชิ ซึ่งเป็นฝาแฝดของพ่อ ได้เข้ามาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของพ่อของเนจิ ที่เนจิเข้าใจผิดมาตลอด
ต่อมาเนจิได้ร่วมกับกลุ่มนารา ชิกามะรุ ในการตามตัว อุจิวะ ซาสึเกะ กลับหมู่บ้าน โดยระหว่างทางเนจิได้ต่อสู้กับ คิโดมารุ ผู้ใช้แมงมุม ซึ่งคิโดมารุได้เห็นจุดอ่อนของเนตรสีขาว ที่ไม่สามารถมองเห็นในบริเวณส่วนหลังเพียงไม่กี่องศา การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดจนกระทั่ง ในขณะนั้นคิโดมารุได้เปลี่ยนสภาวะขั้นที่2 ยิงธนูดอกแรก เนจิสามารถหลบได้อย่างหวุดหวิด ยิงธนูลูกที่สอง เพิ่มการควงสว่านแรงทำลายล้าง 120% เนจิโดนแต่หลบเฉียดจุดตาย เนจิจึงปล่อยจักระเข้าเชือกที่ต่อกับลูกธนู แล้วใช้หมัดสุดท้าย ทำให้เนจิสามารถเอาชนะคิโดมารุได้ และเนจิได้สลบไป
สามปีต่อมา เนจิได้ร่วมทีมกับ อาจารย์ไก ร็อค ลี และ เท็นเท็น ออกช่วยเหลือกาอาระ จากกลุ่มแสงอุษา ภายใต้คำสั่งของ ซึนาเดะ โดยระหว่างทาง ทั้งกลุ่มได้ร่วมกันต่อสู้กับร่างจักระ(มีพลังจากตัวจริงแค่ 30%)ของ โฮชิงากิ คิซาเมะ และไกก็ใช้ไม้ตายลับชนะไป ซึ่งภายหลังได้เจอกับกลุ่มของฮาตาเกะ คาคาชิ ที่หน้าปากถ้ำที่ซ่อนของกลุ่มแสงอุษา ต่อจากนั้นในสงครามนินจา เนจิถูกเซตสึดูดจักกระของตนและปลอมแปลงเป็นร่างของของเนจิไปลอบฆ่านินจาแพทย์ ใน Manga 614 เนจิถูกคาถาไม้ Mokuton,Sashiki no jutsu ของสิบหางเสียบร่างเพราะต้องการช่วยฮินาตะ กับ นารุโตะ ภายในสงครามนินจา หลังจากนั้นผนึกบนหน้าผากของเนจิ ก็ปลดผนึกลง เนจิตายข้างๆบ่าของนารุโตะ และฮินาตะ

มาดาระ

อุจิวะ มาดาระ เป็นตัวละครในการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องนินจาคาถาโอ้โฮเฮะ เป็นบรรพบุรุษแห่งตระกูลอุจิวะ เป็นบุคคลที่ได้รับชื่อว่าเป็นนินจาที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากโฮคาเงะรุ่นที่1(เซนจู ฮาชิรามะ)เป็นผู้ช่วยเหลือโฮคาเงะรุ่นที่1ในการก่อตั้งหมู่บ้านโคโนฮะ แต่ภายหลังได้แยกตัวออกจากหมู่บ้านและกลับมาอีกครั้งในฐานะ"ผู้ล้างแค้นให้ตระกูล"ได้ควบคุมคุรามะ(9หาง)มาต่อสู้กับโฮคาเงะรุ่นที่1สถานที่นั้นคือหุบผาสิ้นสุดเป็นสถานที่พบกันครั้งแรกของอุจิวะ มาดาระกับเซนจู ฮาชิรามะ และอุจิวะ มาดาระพ่ายแพ้ แต่จริงๆแล้วการต่อสู้ครั้งนั้นมาดาระทำไปเพื่อที่จะเอาเซลล์ของโฮคาเงะรุ่นที่1เท่านั้น ถึงจะแพ้แต่ก็ยังไม่ตายและหลบหนีไป เพื่อทำการทดลองในการใช้เซลล์ของรุ่นที่1เพราะต้องการจะเบิกเนตรสังสาระ แต่ตอนแรกเอามาฝังร่าง แต่ไม่เกิดผลอันใด แต่ในขณะที่ใกล้จะตายนั้น มาดาระได้เบิดเนตรสังสาระขึ้นมา ได้และอัญเชิญเทวรูปมารนอดรีตจากดวงจันทร์ออกมาได้ฝังเซล์ของโฮคาเงะรุ่นที่1ไว้ที่เทวรูปมารนอดรีต โดยเทวรูปมารนอดรีตส่งจักระผ่านท่อลำเลียงไปให้มาดาระเพื่อยื้อชีวิตไว้
มาดาระเป็นคนสร้างเซ็ทสึขึ้นมาจากเซลล์ของฮาชิรามะ แต่เป็นร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ สร้างออกมา 2 ตัวคือเซ็ทสึสีขาวและเซ็ทสึร่างม้วน ต่อมามาดาระได้เบิกเนตรสังสาระสำเร็จและเอาเนตรไปใส่ให้ นางาโตะตั้งแต่เด็กเพราะตระกูลอุซึมากิเป็นญาติห่างๆของเชนจู มาดาระต้องการให้นางาโตะคืนชีพให้ตนโดยสมบูรณ์เมื่อถึงเวลาอันควร(ไม่มีใครรู้นอกจากมาดาระ พวกเซ็ทสึและโอบิโตะ)จากนั้นได้ให้เซ็ทสึไปช่วยโอบิโตะจากซากหิน มาดะระใช้ร่างโคลนของเซ็ทสึพยุงร่างของโอบิโตะเอาไว้ ภายหลังเซ็ทสึร่างม้วนห่อหุ้มร่างของโอบิโตะเพื่อให้โอบิโตะแข็งแรงขึ้นและได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของโอบิโตะไปชั่วคราว โอบิโตะได้เข้าร่วมแผนของมาดาระหลังจากเห็นคาคาชิฆ่าริน มาดาระตัดสินใจเล่าแผนการอ่านจันทรานิรันดร์กับโอบิโตะและใส่พลังของตนไว้ในร่างเซ็ทสึสีขาว เกิดเป็นเซ็ทสึสีขาวและเซ็ทสึสีดำเพื่อให้เป็นตัวแทนของมาดาระอยู่ช่วยงานโอบิโตะ จากนั้นจึงออกจากการเชื่อมต่อกับเทวรูปมารและตายลง โอบิโตะได้เอาเนตรวงแหวนข้างซ้ายของมาดาระ(เนตรของคนอื่นที่มาดาระเอามาใช้)มาปลูกถ่ายในเนตรข้างซ้ายของตน
ปัจจุบันมาดาระถูกคาบูโตะอัญเชิญคืนชีพขึ้นมาจากคาถาสัมภเวสีคืนชีพและเข้าต่อสู้กับห้าคาเงะ มาดาระนั้นสามารถพัฒนาเนตรวงแหวนเป็นเนตรสังสาระของเขาได้และยังใช้คาถาไม้ของฮาชิรามะได้ จึงถือว่าเขานั้นเหนือกว่าเพนและฮาชิรามะไปแล้ว ภายหลังที่คาบูโตะคลายคาถา มาดาระไม่ได้หายไปเหมือนร่างอื่นๆ มาดาระไปหาโอบิโตะเพื่อถามถึงสถานะการณ์ทั้งหมด และได้รู้ว่านางาโตะใช้คาถาคืนชีพให้คนในหมู่บ้านโคโนฮะแทนที่จะเป็นมาดาระ มาดาระจึงต้องทำตามที่โอบิโตะบอกเพราะหากจะเป็นพลังสถิตร่างของ 10 หางได้นั้น จำเป็นต้องใช้คนที่มีชีวิต คือโอบิโตะเพื่อให้คืนชีพมาดาระอย่างสมบูรณ์ ในตอนที่โอบิโตะสู้กับคาคาชิแล้วแพ้ก็ถูกมาดาระควบคุมเพื่อชุบชีวิตตน แต่โอบิโตะขัดขืนจนโอบิโตะกลายเป็นพลังสถิตร่างของ 10 หาง แล้วมาดาระก็สู้กับฮาชิรามะพร้อมกับเล่าเรื่องตัวจริงของสิบหาง หลังจากที่โอบิโตะถูกดึงสัว์หางออกจากร่างแล้วคิดจะชุบชีวิตนินจาในสงคราม แต่ถูกเซ็ตสึสีดำเข้าควบคุมเพื่อชุบชีวิตมาดาระ แล้วมาดาระก็คืนชีพขึ้นมาได้แต่ว่าไม่สามารถมองเห็นเพราะว่าเนตรของมาดาระยังเป็นสิ่งที่ยังมีอยู่ในชีวิต ได้อยู่กับโอบิโตะ แล้วก็ดูดจักระเซียนจากฮาชิรามะ แล้วก็เริ่มล่าสัตว์หาง และได้สู้กับสัตว์หางทั้ง 9 แต่ก็บาดเจ็บ จนแขนขวาขาด และเซ็ตสึสีขาวได้เอาเนตรสังสาระข้างขวามาให้มาดาระ มาดาระได้เอาแขนของเซ็ตสึ และเนตรสังสาระมาใส่ร่าง และอัญเชิญเทวรูปมารนอกรีตออกมาจากโอบิโตะที่ใกล้จะตายและสั่งให้เซ็ตสึสีดำเอาเตรข้างซ้ายมาส่วนตนดึงสัตว์หางไปใส่ที่เทวรูปได้สำเร็จและตนกลายเป็นพลังสถิตร่างของ 10 หาง ไปเอาเนตรข้างซ้ายที่อยู่กับโอบิโตะ โดยสั่งให้กุรุกุรุสู้กับนินจาพันธมิตรแทนตนโดยมาดาระ พร้อมกับทิ้งอาวุธของเซียนหกวิถีออกไปจากร่างเพื่อเพิ่มความเร็ว เมื่อไปถึงสั่งให้เซ็ตสึสีดำเอาเนตรมา แต่โอบิโตะก็ชิงการควบคุมกับมาได้แล้วไปหามาดาระ คาคาชิ กาอาระขัดขวางไม่สำเร็จ ส่วนรุ่นที่ 4 พยายามสู้กับมาดาระ ก็โดนตัดแขนจนไม่สามารถฟื้นแขนได้อีก ส่วนโอบิโตะก็ชิงพลังของ 10 หางกับเศษเสี้ยวของสัตว์หางแล้วหนีไปต่างมิติที่สร้างขึ้นมามอบสัตว์หางให้นารูโตะ ทางมาดาระก็สู้กับไกที่เปิดประตูด่าน 8 โดยคิดจะใช้บอลสีดำที่สร้างขึ้นจัดการกับไก แต่ลีปามีดของรุ่นที่ 4 ออกไปเพื่อให้รุ่นที่สี่รับและส่งไปที่อื่น โดนการโจมตีของไก จนบาดเจ็บแต่ก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แล้วจากนั้นก็เห็นไกกำลังจะตายคิดจะใช้บอลสีดำฆ่าไก แต่ก็ถูกนารูโตะขัดขวาง และนารูโตะก็ช่วยรักษาให้ไกไม่ตายแต่ไกก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ นารูโตะได้ตัดต้นไม้เทพเจ้า แต่มาดาระก็ดูดเข้ามาในร่าง แล้วซาสึเกะก็มาร่วมมือกับนารูโตะจัดการกับมาดาระ มาดาระเห็นว่าท่าไม่ดี จึงชิงเนตรวงแหวนจากคาคาชิมาใส่กับตน แล้วย้ายไปต่างมิติเพื่อจัดการกับโอบิโตะเพื่อชิงเนตรคืนมา เซ็ตสึสีดำก็ทำร้ายมาดาระ แล้วยัดจักระของทุกคนที่โดนอ่านจันทรานิรันดร์ทั้งหมด แล้วก็จักระของผืนแผ่นดินจนร่างกายมาดาระรับไม่ไหวจน แล้วเซ็ตสึสีดำก็ออกจากร่างของโอบิโตะแล้วไปรวมตัวกับมาดาระ เพื่อคืนชีพให้คางุยะ สำเร็จจนมาดาระกับเซ็ตสึสีดำเสียชีวิต

วันพีช

วันพีซ (ญี่ปุ่นワンピ-ス Wanpīsu ในชื่ออังกฤษ One Piece ?) เป็น การ์ตูนญี่ปุ่น เขียนโดย เออิจิโร โอดะ เรื่องราวของการตามหา "วันพีซ" โดยผู้ที่ได้มาครอบครองจะได้เป็นจ้าวแห่งโจรสลัด เริ่มลงตีพิมพ์ในนิตยสาร โชเน็นจัมป์ ของสำนักพิมพ์ ชูเอฉะ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 และเนื่องจากความโด่งดัง วันพีซ จึงได้รับการดัดแปลงเป็น อะนิเมะ นวนิยาย รวมไปถึง เกม อีกหลายภาคด้วยกัน
ในประเทศไทย วันพีซได้ลิขสิทธิ์โดย สำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ ตีพิมพ์ลงในนิตยสารการ์ตูน ซีคิดส์ รายสัปดาห์ ส่วนฉบับอะนิเมะ ได้ลิขสิทธิ์โดย Audio & Video Entertainment (เฉพาะภาคแรก) และ ดรีม เอกซ์เพรส (เดกซ์) (ตั้งแต่ภาคแรก) ปัจจุบันออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็มคอตเอชดี และผ่านดาวเทียม ช่อง การ์ตูนคลับแชนแนล นอกจากนั้นยังเคยออกอากาศทางฟรีทีวี ช่อง ทีไอทีวี, ช่อง โมเดิร์นไนน์ทีวี และ ช่อง 3 มาก่อน
วันพีซเป็นหนึ่งในการ์ตูนที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น จุดเด่นของเรื่องนี้อยู่ที่การที่ผู้วาดได้สร้างสรรค์ความฝันซึ่งต้องการผจญภัยพร้อมกับเหล่ามิตรแท้ในวัยเด็กของหลายๆ คนได้อย่างมีเสน่ห์ โดยระหว่างการผจญภัย ลูฟี่และผองเพื่อนต้องเจออุปสรรคในการพิสูจน์เพื่อนแท้มากมาย รวมทั้งได้เรียนรู้เรื่องราวและตำนานของบุคคลต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในเนื้อเรื่องวันพีซ เป็นเรื่องราวในยุคทองของโจรสลัด โจรสลัดทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือเพื่อค้นหา สมบัติที่เรียกว่า "วันพีซ" ซึ่งผู้ใดสามารถค้นหาและครอบครองวันพีซอยู่ ผู้นั้นก็คือเจ้าแห่งโจรสลัด (ราชาโจรสลัด) โดยผู้ที่เคยครอบครองวันพีซนั้นมีอยู่คนเดียวตามที่เปิดเผยคือ เจ้าแห่งโจรสลัด โกลด์ ดี โรเจอร์ ซึ่งหลังจากที่ ได้ครอบครองวันพีซแล้ว โกลด์ ดี โรเจอร์ ก็ได้มอบตัว และยอมรับโทษการประหารชีวิตที่เกาะโร๊คทาวน์บ้านเกิดของตน และก่อนตาย โกลด์ ดี โรเจอร์ ได้ทิ้งคำพูดที่เปลี่ยนยุคสมัยของโจรสลัดว่า "สมบัติของฉันน่ะเหรอ อยากได้ก็เอาไปสิ ไปหาเอาเลย ฉันเอาทุกอย่างบนโลกไปไว้ที่นั่นหมดแล้ว" แล้วเหล่า โจรสลัดทั้งหลายจึงมุ่งหน้าสู่ แกรนด์ไลน์ เพื่อตามหาวันพีซ

อภิธานศัพท์[แก้]

โดเรม่อน

โดราเอมอน (ญี่ปุ่นドラえもん Dora'emon โดะระเอะมง ?) หรือ โดเรมอน เป็น การ์ตูนญี่ปุ่น แต่งโดย ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ เรื่องราวของหุ่นยนต์แมว ชื่อ โดราเอมอน โดยฟุจิโกะ ฟุจิโอะ ได้กล่าวว่าโดราเอมอนเกิดวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 2112 (พ.ศ. 2655) มาจากอนาคตเพื่อกลับมาช่วยเหลือโนบิตะ เด็กประถมจอมขี้เกียจด้วยของวิเศษจากอนาคต โดราเอมอนเริ่มตีพิมพ์ครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2513 โดยสำนักพิมพ์โชงะกุกัง[3][4] โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 1,344 ตอน[5] ต่อมาในวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2540 โดราเอมอนได้รับรางวัลเทะซุกะ โอซามุ ครั้งที่ 1 ในสาขาการ์ตูนดีเด่น[6] อีกทั้งยังได้รับเลือกจากนิตยสารไทม์เอเชียให้เป็นหนึ่งในวีรบุรุษของทวีปเอเชีย จากประเทศญี่ปุ่น[7] จากนั้นในวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2551 โดราเอมอนก็ได้รับเลือกให้เป็นทูตสันถวไมตรีเพื่อการประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น[8] นอกจากนี้บริษัทบันได ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าการ์ตูนที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ยังได้ผลิตหุ่นยนต์โดราเอมอนของจริงขึ้นมาในชื่อว่า "My โดราเอมอน" โดยออกวางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552การ์ตูนโดราเอมอน ได้รับแรงบันดาลใจเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) เนื่องจากนักวาดการ์ตูนทั้ง 2 ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ ได้ลงโฆษณาการ์ตูนเรื่องใหม่ของเขาทั้งสองไว้ว่าจะมีตัวเอกที่ออกมาจากลิ้นชัก ในนิตยสารการ์ตูนฉบับต้อนรับปีใหม่ ที่จะมาแทนการ์ตูน เจ้าชายจอมเปิ่น[4] แต่ในความจริงแล้วทั้งสองยังไม่มีไอเดียเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้แม้แต่น้อยเลย เมื่อใกล้ถึงเวลาส่งต้นฉบับก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับทั้งสองเป็นอย่างมาก
ฮิโรชิ ฟุจิโมโตะ หนึ่งในนักวาดการ์ตูน ได้เผอิญเห็นแมวจรจัดที่มักแอบเข้ามาเล่นที่บ้านของตนเองเป็นประจำ เขามักจะชอบจับแมวตัวนี้มาหาหมัด จนเวลาล่วงเลยมาถึง 4.00 น. ก็ยังไม่มีไอเดียเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องใหม่ ทำให้ฮิโรชิโมโหตัวเองเป็นอย่างมาก และคิดเลยเถิดไปว่าโลกนี้น่าจะมีไทม์แมชชีน เพื่อย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต หลังจากนั้นฮิโรชิได้เผลอหลับไปด้วยความอ่อนล้า เมื่อเขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา ทำให้เขาตกใจว่าตนเองเผลอหลับไป จึงรีบวิ่งลงจากบันไดบ้านไปสะดุดกับตุ๊กตาล้มลุกญี่ปุ่นของลูกสาวที่ตกอยู่บนพื้น[4]
เหตุนี้เองทำให้ฮิโรชิเกิดไอเดียขึ้นโดยนำหน้าแมวจรจัดมาผสมกับตุ๊กตาญี่ปุ่น สร้างออกมาเป็นตัวละครหุ่นยนต์แมวจากอนาคตคอยช่วยเหลือเด็กชายที่แสนจะไม่ได้เรื่อง และตั้งชื่อว่า โดราเอมอน เป็นคำผสมระหว่าง "โดราเนโกะ" กับ "เอมอน" ในภาษาญี่ปุ่น โดราเนโกะนั้นแปลว่าแมวหลงทาง ส่วนคำว่า "เอมอน" เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อนของประเทศญี่ปุ่น และได้เปิดตัวในปีเดียวกัน เริ่มตีพิมพ์ในนิตรยสารโยะอิโกะ, นิตรยสารโยชิเอ็ง และนิตยสารเพื่อการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 1 - 4 (เดือนมกราคม ค.ศ. 1970)[4]
การ์ตูนโดราเอมอน ลงตีพิมพ์พร้อมกันในนิตยสาร 6 ฉบับคือ นิตรยสารโยะอิโกะ, นิตรยสารโยชิเอ็ง, นิตรยสารโชงะกุอิชิเน็นเซ (นิตยสารเพื่อการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 1), นิตรยสารโชงะกุนิเน็นเซ (นิตยสารเพื่อการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 2), นิตยสารโชงะกุซังเน็นเซ (นิตยสารเพื่อการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 3) และนิตยสารโชงะกุโยเน็นเซ โดยมีทั้งหมด 1,344 ตอน[13] โดยเขียนให้เหมาะกับผู้อ่านแต่ละระดับอายุ ซึ่งการ์ตูนได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก[4]
และในวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2540 โดราเอมอนได้รับ รางวัลเท็ตซึกะ โอซามุ เป็นการ์ตูนดีเด่น

ซากุระ

ซากุระเป็นนินจาที่ฉลาด หลังจากที่ซากุระได้เดินทางร่วมทุกข์ร่วมสุขกันกับกลุ่ม 7 (ประกอบด้วย ซากุระ นารูโตะ ซาสึเกะ) มานาน เธอตกหลุมรักซาสึเกะอย่างมาก แต่รู้สึกชอบนารูโตะนิดๆเท่านั้น ในตอนท้าย ซาสึเกะ เป็นนินจาถอนตัวไปแล้ว นารูโตะ ก็บาดเจ็บจากการต่อสู้ เธอรู้สึก เสียใจมากที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย เธอจึงไปขอเป็นลูกศิษย์ของซึนาเดะ ซึ่งเป็นนินจาแพทย์ที่เก่งที่สุดในเรื่องใช้วิชารักษาคน แล้วซากุระก็เป็นนินจาที่มีพลังคล้ายๆกับอาจารย์ของเธอ ซึ่งซากุระนั้นมีพลังทำลายล้างสูงเหมือนซึนาเดะ แค่เธอต่อยลงพื้นที่เดียวแผ่นดินก็แตกออกเป็นส่วนๆ แถมยังถนัดวิชาภาพลวงตาอีก แล้วยังเป็นนินจาที่แข็งแกร่งมากในด้านพลัง มีจักระมหาศาล ทำลายกำแพงหรือทำดินให้แตกเป็นหลุมหรือแตกออกเป็นส่วนๆ ด้วยการอัด ต่อย หรือฟาดเท้าเพียงครั้งเดียวชื่อ"ซากุระ" มาจากชื่อดอกซากุระ ดอกไม้ประจำชาติญี่ปุ่น และนามสกุล "ฮารุโนะ" มาจากคำว่า ฮะรุ (春) แปลว่า ฤดูใบไม้ผลิ และ โนะ (野) แปลว่า ทุ่ง ซึ่งรวมความหมายถึง ทุ่งของดอกไม้ผลิใบ โดยในเนื้อเรื่องจะมีอยู่หลายครั้งที่ อิโนะ คุยกับซากุระว่า ซากุระยังเป็นเด็กเปรียบเหมือน ดอกไม้ที่ยังไม่ผลิใบ เมื่อโตขึ้นจะต้องสวยงาม

กาอาระ

กาอาระ (ญี่ปุ่น砂漠の我愛羅 Zabaku no Gaara กาอาระแห่งทะเลทราย ?) เป็นตัวละคร ในการ์ตูนเรื่อง นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ โดยชื่อของกาอาระ มาจากภาษาญี่ปุ่นตัวคันจิ 3 ตัว ได้แก่ "กะ" (我 หมายถึง ปีศาจ) "อะ" (愛ใช้แทนคำว่า อะอิ ที่แปลว่า ที่รัก) และ "ระ" (羅 หมายถึง ตนเอง) เมื่อรวมกันหมายถึง ปีศาจที่รักตนเอง หรือมีความหมายโดยนัยว่า ปีศาจที่รักตนเอง ซึ่งอธิบายลักษณะเฉพาะตัวของกาอารกาอาระ เกิดมาเพื่อเป็นพลังสถิตร่าง โดยพ่อ คาเซะคาเงะรุ่นที่ 4 ได้เลี้ยงภูติทรายหรือชูคาคุไว้ในตัวกาอาระ เพื่อมาเป็นกำลังสำคัญให้กับหมู่บ้าน กาอาระเป็นลูกชายคนท้ายสุดของคาเซะคาเงะรุ่นที่ 4 โดยมีพี่สาวคือ เทมาริ และพี่ชายคือ คันคุโร่
ในชีวิตช่วงเด็ก กาอาระเชื่อมั่นเสมอว่าแม่เกลียดเขา แต่วันหนึ่งยาชามารุ (น้องชายของแม่) ได้รับคำสั่งจากคาเสะคาเงะรุ่นที่4 ให้ประเมินกาอาระ โดยบอกเรื่องแม่ของเขาและยั่วโมโห หากไม่เกิดการคลั่งขึ้น คาเสะคาเงะก็จะไม่ฆ่าเขา เมื่อยาชามารุประเมินโดยลอบขว้างมีดสั้นใส่กาอาระ ทำให้กาอาระโกรธและฆ่ายาชามารุตาย ยาชามารุได้เล่าเรื่องของแม่ให้กาอาระฟังก่อนตาย และกาอาระก็รู้ว่าแท้จริงแล้วแม่ไม่ได้เกลียดเขาเลย ทำให้ต่อมาเขากลายเป็นบุคคลที่ถูกรังเกียจ ไม่มีความรักให้กับใคร มีแต่ความเกลียด และฆ่าทุกคนที่ขวางทางเขา ชะตาชีวิตของเขาก็เหมือนนารูโตะ คือการที่มีสัตว์หางอยู่ในร่างกายทำให้กาอาระมีความสามารในการใช้ทรายแต่ก็แลกมาด้วยความรังเกียจ และความกลัวจากคนรอบข้าง จนกระทั่งได้พบกับนารูโตะและได้เข้าใจถึงคำว่า เพื่อน
ท้ายสุดแล้วกาอาระได้สืบทอดตำแหน่ง คาเซะคาเงะ จากพ่อของเขาและทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด โดยการสละกระทั่งแรงเฮือกสุดท้ายเพื่อปกป้องหมู่บ้านของเขาจากแสงอุษา แต่ด้วยกลอุบายของเดอิดาระที่ได้วางแผนโดยที่ใช้คาถาระเบิดขณะที่กาอาระปิดโล่กำบังโดยเคี้ยวดินเหนียวที่ใช้ทำลายแขนของตนโดยปั้นเป็นสัตว์ภายในโล่กำบังทรายของการอาระ โดยคาถาระเบิดทำให้กาอาระบาดเจ็บอย่างหนัก แม้เพียงจักระที่เหลือเพียงขั้นสุดท้ายก็ยังควบคุมทรายที่ตัวเองใช้ปกป้องหมู่บ้านออกไปไม่ให้ตกมาทำลายหมู่บ้านของตน แล้วโล่กำบังทรายก็พังทลายจนกาอาระร่วงหล่นลงมาแล้วถูกเดอิดาระจับตัวไปเพื่อทำพิธีดึงสัตว์หางออกจากร่างตามแผนของแสงอุษา และนารูโตะกับพวกพ้องไปช่วยไว้ แต่ไปช้าเกินไปพวกแสงอุษาทำพิธีเสร็จแล้ว เพราะย่าโจ ที่ปรึกษาแห่งสึนะให้พลังชีวิตที่เหลืออยู่ จึงรอดมาได้ แล้วย่าโจก็ตาย
กาอาระเข้าสอบจูนินพร้อมกับ เทมาริ และคันคุโร่ ในการสอบรอบแรกกาอาระได้ใช้ ดวงตาทรายที่สามดูข้อสอบคนอื่นๆ โดยเจอบททดสอบที่แท้จริงจากโมริโนะ อิบิกิและนั่งอยู่ในห้องสอบจนผ่านการสอบ และผ่านรอบสองเป็นกลุ่มแรก โดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนและใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียว และในรอบคัดตัวก่อนเข้ารอบที่ 3 กาอาระได้ต่อสู้กับ ร็อก ลี และเป็นครั้งแรกที่กาอาระโดนโจมตี แต่สุดท้ายกาอาระก็เอาชนะลีมาได้อย่างง่ายดาย และเมื่อต่อสู้รอบสุดท้ายกับซาสึเกะในขณะเดียวกันซึนะได้เริ่มแผนการโจมตีหมู่บ้านโคโนฮะ กาอาระไม่สามารถควบคุมชูคาคุได้ จึงต้องถอยตัวออกมา โดยมีซาซึเกะตามไป มีซากุระและนารูโตะตามไปช่วยทีหลัง เมื่อกาอาระได้สู้กับนารูโตะที่เป็นพลังสถิตร่างเหมือนกัน ทำให้เขาเข้าใจอะไรมากขึ้นและอยากให้คนอื่นยอมรับในตัวของตัวเองเหมือนนารูโตะ

คาคาชิ

ฮาตาเกะ คาคาชิ เป็น โฮคาเงะรุ่นที่6ของหมู่บ้านโคโนฮะ มีฉายาว่า "เนตรวงแหวน คาคาชิ" หรือ "ก๊อปปี้นินจา คาคาชิ" อดีต เคยเข้าสังกัดนินจาอันบุผมสีขาวของคาคาชิได้รับสืบทอดมาจากพ่อของเขา (ฮาตาเกะ ซาคุโมะ) ซึ่งมีฉายาว่า "เขี้ยวสีขาวแห่งโคโนฮะ" ซึ่งเป็นหนึ่งนินจาในตำนานของหมู่บ้านโคโนฮะ ได้รับเนตรวงแหวนจากอุจิวะ โอบิโตะเพื่อนร่วมทีม มอบให้ก่อนจะเสียชีวิต โดยได้รับการผ่าตัดจากฮารุโนะ รินในระหว่างภารกิจ
คาคาชิเป็นศิษย์ของโฮคาเงะรุ่นที่ 4 (ซึ่งเป็นคนผนึกจิ้งจอกเก้าหางไว้ในตัวของนารูโตะ) เพื่อนร่วมทีมคือ อุจิวะ โอบิโตะ (เสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติภารกิจความจริงรอดแต่ไปอยู่กับมาดาระ) และ ฮารุโนะ ริน คาคาชิคลั่งไคล้การอ่านหนังสืออจึ๋ยฯมาก ดังนั้นหากเขายังอ่านไม่จบ แต่มีคนมาเล่าตอนจบของอจึ๋ยฯให้ฟัง เขาจะทนไม่ได้ (ประมาณว่าเสียอรรถรสในการอ่านนั่นแหละ) ซึ่งตรงนี้นับเป็นจุดอ่อนของคาคาชิเลยก็ว่าได้ (สังเกตจากตอนที่คาคาชิกลับมาทดสอบฝีมือของนารุโตะกับซากุระ หลังจากการฝึกวิชามา 2 ปี) และ คาคาชิได้ฝึกวิชาเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุบผาสำเร็จ(เคยเบิกได้เมื่อตอนที่คาคาชิใช้ตัดสายฟ้าฆ่ารินตายเนื่องจากตอนนั้นโอบิโตะไปที่นั้นและได้เห็นตอนนั้นพอดี ด้วยความเสียใจของทั้งคู่ทำให้พลังของเนตรวงแหวนเพิ่มมากขึ้นเกิดเป็นเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุพผาแต่เพราะทั้งคาคาชิและโอบิโตะมีเนตรคนละข้างทำให้พลังที่ได้เป็นคามุย มาดาระเคยพูดเอาไว้ว่า เนตรวงแหวนจะทรงพลังเมื่อมีเนตรวงแหวนทั้ง2ข้างเท่านั้น) แต่อิทาจิเคยพูดไว้ว่า"ถ้าไม่ใช่คนในตระกูลอุจิวะ ไม่สามารถเบิกเนตรนี้ได้" แต่คาคาชิก็ทำสำเร็จแม้ว่าจะยังใช้ได้ไม่คล่องก็ตาม ประมาณว่าใช้แล้วแรงหมดก๊อกเลยทีเดียว คาคาชิเคยใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาต่อสู้กับเพนแต่ใม่สำเร็จ และ ตัวเขาก็ถูกเพนสังหารจนเสียชีวิต แต่คาคาชิก็ฟื้นขึ้นมาเพราะนางาโตะ (ผู้ควบคุมเพนทั้ง 6) สละพลังทั้งหมดเพื่อคืนชีวิตให้กับคนที่เขาฆ่าในหมู่บ้านโคโนฮะ ผ่ายหลังคาคาชิได้เข้าเป็น1ใน5แม่ทัพของมหาสงครามโลกนินจา ครั้งที่ 4 ประกอบด้วย หน่วย 1 ดารุย หน่วย 2 นินจาอิวะ ซึ่งเป็นลูกของสึจิคาเงะ หน่วย 3 คาคาชิ หน่วย 4 แม่ทัพสูงสุดของพันธมิตรนินจา คือ กาอาระ หน่วย 5 ชิฟุเนะ ผู้นำของเหล่าวามูไร หน่วยย่อย หน่วยตรวจจับ. อาโอ หน่วยลอบโจมตี คันคุโร่ ภายหลังได้มาเข้ารับหน้าที่เป็นโฮคาเงะรุ่นที่6ของหมู่บ้านโคโนฮะแม่ของคาคาชิไม่ปรากฏในเนื้อเรื่อง แต่พ่อของคาคาชิคือ ฮาตาเกะ ซาคุโมะ นินจาอัจฉริยะซึ่งได้รับฉายาว่า "เขี้ยวสีขาวแห่งโคโนฮะ" เมื่อ 5 ปีก่อน พ่อของคาคาชิได้ไปปฏิบัติภารกิจลับสุดยอดในฐานะหัวหน้าทีม เขาถูกบังคับให้ต้อง "เลือก" ระหว่างปฏิบัติภารกิจต่อ หรือ รักษาชีวิตลูกทีมไว้ ซาคุโมะเลือกช่วยชีวิตลูกทีมจึงจำใจสละภารกิจ (ซึ่งตามกฎห้ามละทิ้งภารกิจเด็ดขาด) จากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้เกิดผลเสียตามมา ซาคุโมะถูกคนในหมู่บ้านตำหนิ สุดท้ายแม้กระทั่งเพื่อนร่วมทีมก็ว่าร้ายเขา ทำให้ซาคุโมะอ่อนล้าทั้งกายและใจ สุดท้ายก็ปลิดชีพตัวเองลง

ซาซึเกะ

อุจิวะ ซาสึเกะ เป็นนินจาหมู่บ้านโคโนฮะเป็นสมาชิกในกลุ่ม 7 ที่มี อุซึมากิ นารูโตะ , ฮารุโนะ ซากุระ อยู่ด้วย ซาสึเกะ เป็นทายาทคนที่2มีพี่ชายชื่อ อุจิวะ อิทาจิ ซึ่งสามารถใช้เนตรวงแหวนได้เหมือนกับ ซาสึเกะตระกูลอุจิวะ มีความสามารถในการใช้เนตรวงแหวน โดยความสามารถนี้คือการก้อปปี้ความสามารถของสิ่งที่เห็น ทำให้สามารถใช้ท่าไม้ตายของคู่ต่อสู้แม้ได้เห็นเพียงครั้งเดียว ซาสึเกะมีความมุ่งมั่นเหมือนปณิธานว่า ต้องการล้างแค้นผู้ที่ฆ่าล้างตระกูลเขา ซึ่งก็คือฆ่าพี่ชายแท้ๆของตน ชื่อ อุจิวะ อิทาจิ
ซาสึเกะรู้ตัวดีว่าตนยังไม่มีความสามารถมากพอและน้อยใจตัวเองที่ฝีมือพัฒนาไม่ได้มากกว่านี้ อีกทั้งคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถที่จะทำได้จึงเรียนรู้และฝึกฝนการเป็นนินจาเวลาผ่านไปความแค้นของเขาก็ถูกปะทุขึ้น จากเหตุการณ์ สถานการณ์รอบๆตัว และ 1 ในเรื่องเหล่านั้นคือ การปรากฏตัวของ โอโรจิมารุ และการได้พบกับ อุจิวะ อิทาจิ อีกครั้ง
ในการสอบจูนิน ซาสึเกะและกลุ่ม 7 ได้พบกับ โอโรจิมารุ และสู้กัน ซาสึเกะสามารถเอาชนะโอโรจิมารุได้ทำให้เขาพอใจซาสึเกะมากและกัดที่ต้นคอของซาสึเกะทำให้ซาสึเกะได้รับอักขระฟ้า ครั้งนั้น คาคาชิอาจารย์ระดับโจนินที่คอยดูแลกลุ่ม 7 ช่วยปิดผนึกสะกดอักขระไว้ให้และสอน พันปักษาให้กับซาสึเกะ แต่ผนึกก็คลายตัวเนื่องจากซาสึเกะใช้พันปักษามากไป แต่เพราะหลังจากนั้นไม่นาน ซาสึเกะ ได้พบกับ อิทาจิ อีกครั้งและปะทะกันแม้แต่พันปักษาของซาสึเกะก็ทำอะไรอิทาจิไม่ได้ แล้วถูกอิทาจิเล่นงานจนเจ็บหนักอย่างง่ายดาย เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาคิดว่า จะไม่มีทางชนะอิทาจิ ได้หากยังไม่เก่งขึ้นยิ่งกว่านี้
ขณะที่ซาสึเกะตกอยู่ในวังวนแห่งความแค้น พอนารูโตะพาสึนาเดะมาเป็นโฮคาเงะ แล้วซาสึเกะได้รับการรักษาจากซึนาเดะจนหายดี ซาสึเกะก็คิดสู้กับนารูโตะ แต่คาคาชิก็ห้ามไว้ เพราะทั้งคู่เกือบจะฆ่ากัน คาคาชิพยายามกล่อมแต่ซาสึเกะก็ไม่สน แล้ว โอโรจิมารุ ได้ส่งสมุนมาชักชวน ซาสึเกะ ให้ออกจาก โคโนฮะ ไปยังหมู่บ้านโอโตะ และโอโรจิมารุ จะมอบพลังแก้แค้นให้แก่ ซาสึเกะ
ซาสึเกะ ตัดสินใจที่จะออกจากหมู่บ้านไปตามคำชักชวน แต่ นารูโตะ เข้ามาห้ามเพราะรู้มาว่า โอโรจิมารุ ต้องการร่างของซาสึเกะ ไปทำพิธีย้ายร่างเพื่ออยู่เป็นอมตะ จึงไม่ยอมให้ซาสึเกะ เดินทางออกไป แต่ซาสึเกะ ไม่สนใจคำเตือนของ นารูโตะ พร้อมยืนยันการออกจากหมู่บ้านของตน ทั้งคู่จึงใช้การต่อสู้เป็นการตัดสิน
ท้ายที่สุด ซาสึเกะ เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ กับไม่ฆ่านารูโตะเนื่องจากไม่อยากเป็นแบบอิทาจิ และออกเดินทางต่อไปยัง โอโตะ เพราะหวังจะได้พลังจากโอโรจิมารุ

ช่วงกลาง[แก้]

เวลาผ่านไปเกือบ 3 ปี ซาสึเกะ ฝึกวิชาต่างๆจาก โอโรจิมารุ และได้เจอกับนารูโตะอีกครั้ง นารูโตะพยายามที่จะชักชวนซาสึเกะกลับหมู่บ้านอีกครั้งแต่ก็ไม่ยอมอีกเช่นเคย แต่หลังจากนั้นไม่นาน ซาสึเกะ ได้ฆ่าโอโรจิมารุ ขณะที่มีการทำพิธีกรรมย้ายร่าง และยึดวิชาทั้งหมดของโอโรจิมารุเป็นของตนเองไว้ด้วย เขาทำการปลดปล่อยซุยเงสึออกมา และได้ชักชวน คาริน กับ จูโกะ ให้มาเข้าร่วมสร้างทีมด้วย เดินทางในชื่อกลุ่ม "เฮบิ" (มีความหมายว่า "งู") โดยมีเป้าหมายเป็นความมุ่งมั่นเดิมของเขา "การแก้แค้นให้แก่ตระกูลอุจิวะโดยฆ่าอิทาจิพี่ชายของตน"
ต่อมา เขาได้ออกตามหาอิทาจิ ระหว่างทาง เขาได้ต่อสู้กับเดอิดาระ (สมาชิกกลุ่มแสงอุษา) แต่เดอิดาระกลับสู้ซาสึเกะไม่ได้ ซึ่งในตอนนั้นเขาเกือบตายในการต่อสู้ครั้งนั้น เพราะการระเบิดตัวเองของเดอิดาระ เขาได้ใช้มันดะในการหลบหนีการโจมตีของเดอิดาระจึงรอดชีวิตมาได้ (มันดะเป็นสัตว์อัญเชิญของโอโรจิมารุ ซึ่งซาสึเกะสามารถใช้คาถาอัญเชิญเรียกมาได้ จากนั้นใช้เนตรวงแหวนสะกดมันดะ และใช้วิชานินจาข้ามมิติโดยอาศัยร่างของมันดะหลบหนีแรงระเบิดของเดอิดาระ ซึ่งซาสึเกะก็เจ็บหนัก ส่วนมันดะก็เสียชีวิต)
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้เจอกับอิทาจิ ในตอนการต่อสู้กับอิทาจินั้น ซาสึเกะได้ถามว่าอุจิวะอีกคนที่ร่วมมือกับอิทาจิคือใคร ซึ่งซาสึเกะไม่เชื่อว่าเป็นมาดาระ เกือบต้องพ่ายแพ้ เพราะขนาดซาสึเกะใช้คาถากิเลน ซึ่งเป็นคาถาสายฟ้าที่ร้ายแรงที่สุดของซาสึเกะ ก็ไม่สามารถเอาชนะอิทาจิได้ เนื่องจากอิทาจิได้ใช้เทพวายุเป็นโล่ป้องกัน ทำให้ซาสึเกะโมโหมากและฝืนใช้พลังอีก ทำให้จักระของโอโรจิมารุที่อยู่ในตัวซาสึเกะรั่วไหลออกมา และโอโรจิมารุก็เข้าครอบงำซาสึเกะ แต่โอโรจิมารุก็พ่ายแพ้ให้กับเทพวายุของอิทาจิ ทำให้ศึกครั้งนี้อิทาจิเป็นฝ่ายชนะขาดลอย แต่อิทาจิกลับสิ้นใจตายไปซะก่อนเพราะป่วยเป็นโรคร้ายจนทนไม่ไหว โดยก่อนตายอิทาจิได้ใส่เทวีสุริยาโดยจะทำงานเมื่อเห็นเนตรวงแหวนของโทบิมา ในการต่อสู้ครั้งนั้นหลังจากนั้นซาสึเกะถูกโทบิรักษาอาการบาดเจ็บ แล้วโทบินั้นได้เล่าความจริงเกี่ยวกับตระกูลอุจิวะให้ซาสึเกะฟังว่า อิทาจิทำทุกอย่างเพื่อเขาทั้งนั้น จนซาสึเกะเสียใจในการจากไปของพี่ชายเขามาก โดยที่เขาแทบไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริง ก่อนหน้าที่เขาจะเกิด และได้เบิกเนตรกระจกเงาหมื่นบุบผาของตัวเองออกมา เนตรมีระดับเหนือกว่าเนตรของอิทาจิแต่อ่านจันทราของซาสึเกะไม่สามารถควบคุมเวลาได้เท่าอิทาจิ ซาสึเกะสามารถใช้คาถาลวงตาได้ในระยะเวลาสั้นๆ